ปลูกป่า

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

แชมป์ปล่อยก๊าซ



แชมป์ปล่อยก๊าซ

โลกร้อนเป็นปัญหาใหญ่ ระยะหลังมานี่จะเห็นว่าน้ำทะเลเริ่มสูงขึ้น ฤดูกาลมาไม่ค่อยตรงเวลา เกิดพายุบ่อยครั้ง อยากรู้ไหมว่าในสถานการณ์โลกร้อน ชาติไหนใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย สถาบันทรัพยากรโลกองค์กรอิสระที่ทำตัวเป็นยามด้านสิ่งแวดล้อมเขาสำรวจตรวจสอบเอาว่า
อันดับหนึ่งยืนเป้นเลย คือ จีน ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก นั่นคือ ปีหนึ่งตก 7,219.2 ล้านตัน คิดเป็น 19.12 เปอร์เซ็นต์ ของโลก ที่สองก็แน่นอน ต้องเป็นสหรัฐอเมริกาแชมป์เก่า ซึ่งปล่อยก๊าซร้อนไป 6,963.8 ล้านตันต่อปี หรือเท่ากับ 18.44 เปอร์เซ็นต์
ในอันดับท็อปไฟฟ์ที่เหลือก็มี อันดับสาม สหภาพยุโรป ปล่อยก๊าซไป 5,047 ล้านตัน คิดเป็น 13.37 เปอร์เซ็นต์ ตามติดมาด้วยรัสเซีย กับปริมาณก๊าซ 1,852 ล้านตัน หรือ 4.91 เปอร์เซ็นต์
เมืองไทย เราติดอันดับกับเขาเหมือนกัน อยู่อันดับที่ 24 ปล่อยก๊าซร้อนไป 351.3 ล้านตัน คิดเป็น 0.93 เปอร์เซ็นต์ และในหมู่เพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกันนั้น บ้านเราจะเป็นรองก็แค่กับอินโดนีเซีย เท่านั้น ซึ่งบ้านเขาอยู่สูงถึงอันดับ 12 กับปริมาณก๊าซ 594.4 ล้านตัน หรือ 1.57 เปอร์เซ็นต์

27 วิธีบอกลาผิวหม่นหมอง


1. การขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้า เป็น วิธีทําให้ผิวขาว โดยธรรมชาติ รากศัพท์ของมันมาจากคำว่า "foliage" ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบนสุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า อยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้ว เซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา และดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็น วิธีทําให้ผิวขาว อีกทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง
2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิว ก็ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่างๆ เช่น ใยบวบ หรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง
3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และหากขัดมากเกินไป ก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่นๆ ได้ง่าย
4. ถ้าไม่กำจัดออกไป ผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือ ผิวจะหม่นหมอง ดูแล้วมีความมัน หรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดี ทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว
5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้า ก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์ แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง
6. วิธีการขัดผิวที่ถูกต้อง ซึ่งเป็น วิธีทําให้ผิวขาว ใสขึ้น สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย
7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบาๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียน ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น
8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็น เม็ดกลม เพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอก ขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาด แล้วล้างออกด้วยน้ำมากๆ
9. ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติ เป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไป อาจทำให้แสบผิวได้ เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสาก และหยาบ เวลาขัด จึงควรขัดเบาๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำ และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง
10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิว และ วิธีทําให้ผิวขาว โดยใช้ร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้
11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่าง เติมเกลือเม็ดลงไป และเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบาๆ ให้ทั่วตัว และล้างตัวด้วยน้ำสะอาด
12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบาๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป หรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้
13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติ ผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนานๆ
14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ, น้ำตาล, อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอม อีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด
16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่ายๆ ด้วยการใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย แต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคือง มีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ
17. มะขามเปียก, สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคล มีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ใส มีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว วิตามินสูง แต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรด เหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวัง ลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรก แต่ไม่เป็นกรดมาก
18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถนำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น
19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่นเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว, ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว, น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง, งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคือง และกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคม จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการเสียดสี
20. ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือ มีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้
21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลัก...ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือ ใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง
22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย ใช้แค่งาขาว, งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ
23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่น และเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิว แต่เกรงว่าผิวจะแห้ง เกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้ว น้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป
24. การเพิ่มนม, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ที่สามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไป ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัว อยู่บนผิวได้ และสะดวกแก่การขัด
25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหย เข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้
26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง, ต่อมน้ำเหลือง-โต, มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมากขึ้น
27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อยๆ เน้นไปที่ร่องจมูก เลี่ยงจุดที่บอบบางมากๆ เช่น รอบดวง

ทรงผมน่ารักๆ เวลาไปทะเล




7 ทรงผมน่ารักๆ เวลาไปทะเล

1. ถักเปียด้านข้าง
สาวๆ ทำเป็นกันอยู่แล้วใช่มะคะ ง่าย แต่คงความน่ารักของความเป็นผู้หญิงไว้ได้ดีทีเดียว
ถักไว้ก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องเนี้ยบมาก เอาแค่ว่าให้ผมไม่กระจายแยกตัวกัน เวลาเจอลมพัดแรงๆ

2. ปล่อยผมให้เซอร์ๆ
อ๊ะๆ ข้อนี้สำหรับสาวๆ ผมหยักโศก ผมดัด นะคะ เพราะว่าเวลาผมยุ่งๆ ตอนลมตีมาแรงๆ จะดูไม่รู้เลยว่า มันผมมันยุ่งเอง หรือผมมันกันจริงๆ อย่าลืมใส่มูส ใส่ครีมบำรุงผมไว้ด้วยนะคะ

3. มัดผมรวมกัน แบบยุ่งๆ (แลดูไม่ตั้งใจ)
เชื่อมั้ยล่ะว่าทรงแบบนี้ บางทีก็ทำยากนะ .. เอาเป็นว่า จำๆ ทรงผมแบบนี้ไว้
แล้วฝึกมัดม้วนกันบ่อยๆ ก็น่าจะทำให้สวยสบายตาได้ไม่ยาก
(แอบเห็นเหล่าสาวๆนักศึกษาเค้าทำเยอะแล้วล่ะนะ ทรงนี้)

4. มัดเป็นหางม้า .. ด้านข้าง
มัดตรงๆ มันก็จะแลดูธรรมด๊าธรรมดาเกินไปสักหน่อย
ลองปัดให้มันเฉียงด้านข้างๆ มาบ้าง น่ารักมัดรวบตึงอยู่แล้นน

5. ถักเปียคาดหัว
จัดการเปียผมให้แน่นๆ แล้วพันรอบหัวเอาไว้ . เก๋เป็นที่สุดล่ะค่ะทรงนี้

6. ปล่อยผมเซอร์ๆ แต่...
สำหรับสาวๆ ที่ผมยาวหน่อย แล้วอยากจะปล่อยผมสวยๆ ให้สบายๆ
ลองหาแว่นตาสักอันมาคาดผมไว้เก๋ๆ ไม่ให้ผมปิดหน้าไปหมด
ส่วนผมที่เหลือด้านหลังก็ปล่อยมันตามสบายไปอย่างนั้นเลย .. สวยเซอร์ของจริงคร่า
(ทรงนี้ไม่แนะนำตอนนั่งอยู่ในเรือนะคะ เพราะลมแรงๆ อาจจะดีผมเราให้กระเจิง แถมไปรบกวนคนอื่นเค้าด้วยล่ะ)

7. ทรงดอกเห็ด
จับผมมาทั้งหมด แล้วมัดตรงกลางหัว ปล่อยให้มันพองๆ เหมือนดอกเห็ด ก็น่ารักดีนะ

แถมข้อสุดท้าย
แนะนำไปไม่กี่วันก่อน เรื่องผ้าโพกหัว ผ้าพันผม
เป็นสิ่งที่สาวๆ ไม่ควรพลาดที่จะหยิบติดมือไปด้วย
เพราะนอกจากมัดผมให้ไม่ยุ่งได้แล้ว ยังห่ม ปิด บังแดด หรือแม้แต่ประยุกต์เป็นเสื้อผ้า
5. กฎเหล็กหยุดกินจุบจิบ

1. กินอาหาร อันดับแรกคุณสาว ๆ ต้องเปลี่ยนทัศนคติการอดอาหาร แล้วกินขนมแทนข้าว เพราะนั่นจะทำให้คุณมี น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นซะยิ่งกว่าการกินข้าว 1 จานเสียอีก ฉะนั้น ต้องกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ ที่สำคัญ ให้เน้นเป็นอาหารเมนูสุขภาพ เพื่อประโยชน์ที่ดีกับร่างกาย

2. เลือกเครื่องดื่มแทนขนม เมื่อรู้สึกอยากกินขนมขึ้นมา ให้คุณรีบตรงดิ่งไปในครัว แล้วหยิบใบชาสมุนไพรมาชงกินแทน นอกจากจะช่วยให้คุณลดความอยากกินได้แล้ว ชาสมุนไพรยังเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เพราะไม่มีสารคาเฟอีน แต่ถ้าอยากเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากขึ้น แนะนำให้ใส่น้ำผึ้งแทนน้ำตาลจะดีที่สุด

3. งานอดิเรก สำหรับสาวคนไหนที่อยู่ว่าง อยู่เฉยเป็นไม่ได้ ต้องหยิบคว้าขนมเข้าปากอยู่เรื่อย WP ขอแนะนำให้คุณหากิจกรรมที่ทำให้มือของคุณไม่อยู่เฉย อย่างเช่น การถักนิตติ้ง หรือถักโครเชต์ เพราะนอกจากจะทำให้คุณมีงานอดิเรก ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ความน่ารักให้ตัวคุณเองอีกด้วย

4. ออกห่างทีวี เพราะการนั่งหน้าจอทีวีนี่แหละที่ทำให้คุณรู้สึกว่า ต้องทำอะไรสักอย่างนอกเหนือจากนั่งดูเพียงอย่างเดียว ซึ่งคำตอบสุดท้ายก็มักจะลงเอยด้วยการเดินไปตู้เย็น หรือเข้าไปในครัว แล้วควานหาของกินมานั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ จากนั้นมือก็จะเริ่มหยิบของกินเข้าปากอย่างไม่ทันระวัง พร้อมกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

5. แปรงฟัน เชื่อหรือไม่ว่า การแปรงฟันหลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อยทุกมื้อ จะช่วยให้คุณสาว ๆ มีความอยากกินอาหารว่างน้อยลง นับเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยทำให้สุขภาพปากดีด้วย

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Blogger



การทำบล็อก Blog ด้วย Blogger.com เนี่ย มันไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถเลยครับเพียงแค่เรามีบัญชีของ Gmail เท่านั้นเองเราก็สามารถ ล๊อกอินเข้าทำบล็อก ได้ทันที โดยเข้าไปที่ www.blogger.com ได้เลย


เมื่ออยู่ที่ blogger.com แล้วให้ใส่ชื่อ Gmail และ รหัส Gmail เข้าไป แล้วกด sign up ก็จะเข้าสู่หน้าแผงควบคุมบล็อกของเราหากเราไม่ถนดกับแผงควบคุมของบล็อกในแบบภาษา อังกฤษ ให้เลือกภาษา ไทยแทน
สุดของแผงควบคุมบล็อก จะมีโลโก Blogger ใหญ่ๆ ทางซ้ายบนสุด ถัดมาทางขวาเป็นชื่อGmail ของเรา แล้วตามด้วย แผงควบคุม เอาไว้เป็นเมนูควบคุมทุกรายการเป็นหน้าหลักที่เห็นในรูปเมนู
ต่อไปเป็น บัญชีของฉัน เป็นข้อมูลส่วนตัวของเรา
เมนูช่วยเหลือ เอาไว้ให้เราเข้าไปหาข้อมูลที่เราสงสัย เป็นภาษาไทย
เมนู ออกจากระบบ เอาไว้ ออกจาก บล็อกเกอร์ หลังจากเราทำงานเสร็จทุกครั้ง มิฉะนั้นคอมพ์.ของเราจะจำค่าล๊อคอินไว้ตลอด ใครก็มาใช้บล็อกของเราได้ ใต้แผงควบคุมเป็นข้อมูลโปรไฟล์ของเราด้านขวา
มีเมนู สร้างบล็อก จะเป็นที่ๆเราใช้สร้างเว็บที่เราต้องการ

บล็อก

คืออะไร
บล็อกเป็นไดอารีส่วนบุคคล ห้องฟังเทศน์ พื้นที่สำหรับความร่วมมือ เวทีแสดงออกทางการเมือง ห้องกระจายข่าว การเก็บรวบรวมลิงก์ ความคิดส่วนตัวของคุณ บันทึกสำหรับคนทั่วโลก
บล็อกของคุณจะเป็นอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ เรามีบล็อกนับล้าน ทุกรูปแบบและทุกขนาด และไม่มีกฎตายตัว
กล่าวง่ายๆ บล็อกก็คือเว็บไซต์ ซึ่งคุณสามารถเขียนเรื่องต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องใหม่จะปรากฏด้านบนสุด เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถอ่านสิ่งที่มาใหม่ จากนั้นจะสามารถแสดงความคิดเห็นหรือสร้างลิงก์ หรือส่งอีเมลถึงคุณ หรือไม่ทำอะไรเลย
นับตั้งแต่ Blogger เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 บล็อกก็ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเว็บ สร้างผลกระทบต่อการเมือง เขย่าวงการสื่อสารมวลชน และทำให้คนนับล้านได้แสดงออกและติดต่อกับบุคคลอื่น
และเรามั่นใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ประโยชน์ของ blog


• เป็นศูนย์ความรู้ของบริษัท เพราะให้พนักงานแต่ละคนเขียนบล็อกส่วนตัวไว้ หากพนักงานท่านนั้นลาออกไป ความรู้ยังคงอยู่ที่บริษัทให้รุ่นน้องศึกษา



• ใช้รายงานเหตุการณ์ หรือผลการทำงานว่าแต่ละวันได้ทำอะไรบ้าง



• ใช้ติดตามความคืบหน้าของงาน กรณีมีการทำงานร่วมกัน



• ใช้สำหรับโชวร์ ผลงานส่วนตัว หรือไซต์ส่วนตัว



• ใช้ทำเว็บไซต์ส่วนตัว / เว็บดาราดัง (เราอาจจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ ใครสักคนก็สามารถทำได้สบาย )



• ใช้ทำเว็บรวมสถานที่ท่องเทียวในตัวจังหวัด หรือในอำเภอเล็กๆ ตามต่างจังหวัด